พาเที่ยว "หอคอยซิเทงคาคุ โอซาก้า" Tsutenkaku Tower



หอคอยซิเทงคาคุ (Tsutenkaku) เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของโอซาก้า ชื่อ “Tsutenkaku” มีความหมายภาษาอังกฤษว่า “Building leading to heaven” หอคอยนี้มีอายุครบ 100 ปีในปี 2012 สร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของโลกใหม่ (Shin-Sakai)
โครงสร้างของหอคอยทำจากเหล็ก แบบเดียวกับหอไอเฟิล ในตอนแรกที่สร้างนั้นมีความสูง 64 เมตร ถือว่าเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในเอเชียตะวันออก (ในขณะนั้น) ต่อมามีการรื้อทำใหม่และเพิ่มส่วนสูงขึ้นไปอีก 39 เมตร รวมมีความสูงเป็น 103 เมตร ทำเสร็จในปี ค.ศ. 2007


ปัจจุบันหอคอยซิเทงคาคุ Tsutenkaku เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของโอซาก้า นักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวได้ตั้งแต่ชั้น B1F – 5 โดยแต่ละชั้นมีรายละเอียดดังนี้
  • ชั้น B1F : เป็นชั้นขายตั๋ว และ ขนมประจำเมืองโอซาก้า กูลิโกะ ฯลฯ
  • ชั้น 1 : ทางเข้าหอคอยซิเทงคาคุ
  • ชั้น 2 : ร้านค้า – ขายของที่ระลึก, พิพิธภัณฑ์คินนิคุแมน
  • ชั้น 3 : แสดงภาพ 3 มิติ ร้านกาแฟ กูลิโกะ
  • ชั้น 4 จุดชมวิว ที่ความสูง 84 เมตร
  • ชั้น 5 จุดชมวิว ที่ความสูง 87.5 เมตร, รูปปั้นบิลลิเคง Billiken
ที่ด้านบนของของหอคอยฯ มีนาฬิกาขนาดใหญ่ ขนาดหน้าจอกว้าง 5.5 เมตร เข็มนาทียาว 3.2 เมตร เป็นนาฬิกาที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น สามารถมองเห็นได้ในระยะไกล และ บริเวณยอดหอคอยซิเทงคาคุ Tsutenkaku ทำการติดตั้งไฟนีออนเพื่อพยากรณ์สภาพอากาศ เช่นสีขาวหมายถึงอากาศปกติ สีส้มหมายถึงมีเมฆ สีน้ำเงินหมายถึงมีฝน ฯลฯ

จุดชมวิวชั้น 5




ชั้น 1 ทางเข้าหอคอยซิเทงคาคุ


ชั้น B1 F ที่ขายตั๋ว และ ขนม นักท่องเที่ยวจะต้องขึ้นลิฟต์จากชั้นนี้ไปยังชั้น 2


ชั้น 2 พิพิธภัณฑ์คินนิคุแมน (Kinnikuman : キン肉マン)


รูปปั้นคินนิคุแมน ขนาดเท่าของจริง


รูปปั้นบิลลิเคง Billiken ที่ชั้น 5 ของหอคอยซิเทงคาคุ

รูปปั้น Billiken
เป็นตุ๊กตาที่ออกแบบครูสอนศิลปะชาวอเมริกัน ชื่อว่า Florence Pretz โดยจำหน้าตา Billiken มาจากความฝัน ส่วนชื่อ Billiken นั้นมาจากบทกวีของ Bliss Carman หลังจากที่ Florence Pretz ได้ทำการออกแบบหน้าตา Billiken เสร็จ ก็ได้ทำการจดลิขสิทธิ์ของตุ๊กตาตัวนี้ และได้เปิดบริษัทขายตุ๊กตาตัวนี้ โดยเริ่มจากในอเมริกา
รูปร่างของ Billiken มีเอกลักษณ์ดังนี้ หูสองข้างมีขนาดใหญ่คล้ายหูช้าง มีรอยยิ้มแบบเด็กซน มือสองข้างสั้นวางแนบลำตัว เท้าเหยียดยาวไปด้านหน้า และมีฉายาว่าพระเจ้าของสิ่งต่างๆ “The God of Things As They Ought to Be.” นอกจากนี้ยังมีความเชื่ออีกว่าการซื้อ Billiken จะทำให้โชคดี แต่ถ้านำไปให้คนอื่นจะโชคดีขึ้นอีก
Billiken จากอเมริกาสู่ญี่ปุ่น
Billiken เข้ามาในญี่ปุ่นตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ครั้งแรกเข้ามาที่เมืองโกเบ ตัว Billiken ที่ทำให้คนรู้จักมากที่สุดเป็นตัวที่อยู่ที่สวนสนุกลุน่าปาร์ค (Luna Park) ย่านชินซาไค Shin-Sakai ใกล้กับหอคอยซิเทงคาคุ (ปัจจุบันสวนสนุกลุน่าปาร์คไม่มีแล้ว)
ต่อมาได้สร้าง Billiken ขึ้นในหอคอยซิเทงคาคุในปี ค.ศ.1980 Billiken กลายเป็นตัวนำโชคแก่นักท่องเที่ยวที่ขึ้นมาชมหอคอยฯ มีความเชื่อว่าการลูบฝ่าเท้า Billiken แล้วจะโชคดี

ที่มา : emagtravel.com

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

พาเที่ยว "พิพิธภัณฑ์ราเมง Shin Yokohama Ramen Museum" ต้นตำรับแห่งราเมง ประเทศญี่ปุ่น

เที่ยว "ฮาโกดาเตะ" ชมวิวที่ "ป้อมดาวโงเรียวกาคุ" (Fort Goryokaku Tower)

ชมดอกไอริสและธรรมชาติในเมืองใหญ่ที่ Meiji Shrine Inner Garden! กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น