พาเที่ยว "สวนจิโดริกะฟุจิ" (Chidorigafuchi Park) ชมซากุระริมโค้งน้ำที่สวนใจกลางโตเกียว


สวนจิโดริกะฟุจิ /Chidorigafuchi Park (千鳥が淵公園 [Chidorigafuchi Koen]) ตั้งอยู่ในเขตชิโยดะ (Chiyoda) ในใจกลางกรุงโตเกียว (Tokyo) เป็นหนึ่งในสวนที่อยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของพระราชวังอิมพีเรียล (Imperial Palace) และอยู่ติดกับสวนคิตะโนมารุ (Kitanomaru Park) โดยมีคูน้ำกั้น

สวน Chidorigafuchi Park ถือได้ว่าเป็นจุดชมซากุระที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของโตเกียวช่วงประมาณปลายเดือนมีนามคม – ต้นเดือนเมษายน 

โดยมีจุดเด่นที่ต้นซากุระขนาดใหญ่รายล้อมรอบสวน Kitanomaru Park ด้านใน และโน้มกิ่งลงคูน้ำ เป็นทางเดินกว่า 700 เมตร นอกจากนี้คนญี่ปุ่นยังนิยมเช่าเรือเพื่อชมบรรยากาศจากเรือพายในคูน้ำ และยังมีการประดับไฟตอนค่ำในช่วงที่ซากุระบานอีกด้วยค่ะ


จากการเดินทางขางต้น เราเดินจากสถานีรถไฟ Kudanshita ประมาณ 5 นาที (คนไทยเดินก็ 5 นาทีค่ะ ไม่ไกลๆ) เราจะเจอมวลมหาชนที่เดินชมซากุระอยู่เช่นกัน โดยตรงกลางป้ายนั้นเขียนว่า Kitanomaru National Garden (北の丸公園) เป็นสวนขนาดใหญ่ที่อยู่ทางด้านทิศเหนือของพระราชวังอิมพีเรียล เปิดในปี ค.ศ. 1969 โดยเรียกว่า Daikancho (代官町)

 สวน Kitanomaru เป็นสวนแห่งหนึ่งในโตเกียวที่มีความกว้างเป็นอย่างมาก ด้านในมีสถานที่สำคัญถึง 3 แห่ง ได้แก่ National Museum of Modern Art, Science Musuem และ Nippon Budokan ซึ่งเป็นสนามกิฬาในร่มที่สร้างขึ้นเพื่อใช้ในการแข่งขันโอลิมปิคฤดูร้อนครั้งที่ 18

ส่วนคนที่เดินมาจากฝั่งศาลเจ้า Yasukuni Shrine ก็สามารถข้ามสะพานลอยมายังฝั่งสวน Kitanomaru Park แล้วค่อยเดินลัดไปทางฝั่ง Chidorigafuchi Park ได้ค่ะ


จากแผนที่ด้านบน เราได้ทำสัญลักษณ์ให้เห็นทางเข้าของ Kitanomaru Entrance ด้านหน้า เราไม่ต้องเดินเข้าสวนนะคะ ให้เดินเลยไปเลยไปตามจุดสีดำ เดินไปจนถึงหัวมุมที่มีบริเวณแถบสัญลักษณ์สีชมพูเรียบคูน้ำไปค่ะ ตรงนั้นเป็นส่วนที่เราจะเข้าไปชมซากุระได้ 

และในส่วนสัญลักษณ์ดาวสีแดงจะเป็นจุดที่เป็นสวน Chidorigafuchi Park ซึ่งจะมีเรือพายให้เช่าอยู่ด้วยค่ะ สำหรับคนที่มาจาก Yasukuni Shrine ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กันก็สามารถเดินข้ามมาฝั่งสวนได้เลยค่ะ ดูจากแผนที่จะเห็นว่าไม่ไกลกันค่ะ


จากประตูทางเข้าสวน Kitanomaru เดินเลยมา เราจะเห็นภาพแบบนี้ค่ะ มีซากุระเรียงรายอยู่ริมบริเวณคูน้ำไกลๆ และมีคนเดินอยู่ใต้ต้นซากุระค่อนข้างมากค่ะ ตรงนั้นคือจุดเริ่มต้นไปยังสวน Chidorigafuchi Park นั่นเอง


เดินมาถึงจุดเริ่มต้น เราก็จะอยู่ใต้ต้นซากุระไปโดยปริยาย ซากุระที่นีมีจุดเด่นตรงที่กิ่งจะโน้มเข้าหาคูน้ำ จึงทำให้กิ่งก้านสาขาอยู่ในระดับที่สามารถเอื้อมถึง แต่อย่างไรก็ตาม การชมซากุระคือไม่จับ ไม่เด็ดดอก เพื่อความสวยงามและเป็นการให้ผู้อื่นได้ชมด้วยค่ะ แต่ต้องระวังศีรษะนะคะ คนสูงอาจจะหัวโขกได้ อิ อิ


ความสวยงามในระยะใกล้ชิดเช่นนี้ละสายตาไปไม่ได้จริงๆ ค่ะ แต่ก็ต้องเดินหน้าต่อไป (อยากมองนานๆ) ตอนที่แอดมินไปนั้นกำลังอยู่ในช่วงที่บานแล้วประมาณ 80% – 90% ดังนั้นจึงเห็นว่ายังมีบางดอกที่ยังตูมอยู่ค่ะ และกลีบดอกไม้ยังแข่งแรงไม่ร่วงปลิว เต็มช่อเลย  


จากบริเวณที่เรายืนอยู่คือทางเดินด้านบนที่มีต้นซากุระอยู่ริมทางเดิน แต่ตัวกิ่งของซากุระจะดำดิ่งลงไปด้านล่าง ดูๆ ไปแล้วต้นไม้จะอยู่ต่ำกว่าทางเดินที่เราเดินค่ะ แต่อย่าลงไปริมคูน้ำนะคะ เดี๋ยวพลัดตกลงไปจะแย่ ใครที่พาลูกหลานไปควรดูแลอย่างใกล้ชิดค่ะ แม้จะมีการกั้นบริเวณเอาไว้ก็ตาม


ภาพจากอีกฟากฝั่งของคูน้ำค่ะ ซากุระต้นใหญ่มากจนปกคลุมบริเวณพื้นดินที่เป็นสีเขียวเกือบทั้งหมด ฝั่งโน้นเป็นฝั่งของสวน Kitanomaru นั่นเอง แต่ไม่สามารถชมภาพสวยๆ นี้ได้จากด้านในเพราะมีกำแพงกั้นค่ะ


เดินมาเรื่อยๆ จนถึงทางโค้งจะมีจุดที่สามารถถ่ายภาพบรรยากาศสวยๆ เช่นนี้เอาไว้ได้ ด้านขวามือในรูปคือบริเวณที่มีบริการให้เช่าเรือพาย ซึ่งสามารถเช่าได้ตั้งแต่เวลา 11:00 น. – 17:30 น. ระยะเวลาเช่า 30 นาที ราคา 500 เยนในช่วงเวลาปกติ และ 800 เยนในช่วงชมซากุระ แต่จะหยุดทำการทุกวันจันทร์ค่ะ


อีกจุดโค้งหนึ่งที่สวยงามมาก เหมาะสำหรับการถ่ายรูปเก็บความประทับใจเป็นที่สุด คนที่อยากชมแบบใกล้ชิดก็สามารถพายเรือชมจากมุมในคูน้ำได้นะคะ และสำหรับใครที่มาเป็นคู่ เราไม่ต้องปั่นเรือเป็ดแล้วนะคะ เรามาพายเรือชมซากุระหวานๆ ซึ้งๆ กันดีกว่า หรือใครที่อยากขอแฟนแต่งงานในบรรยากาศแบบนี้ก็เป็นอีกไอเดียหนึ่งที่น่าสนใจค่ะ


อีกมุมหนึ่งที่มองย้อนกลับไปยังเส้นทางที่เราได้เดินผ่านมาตั้งแต่ต้น ก็จะเห็นความสวยงามในอีกด้าน หลายๆ จุดที่เราเคยอยู่ใต้ต้นไม้ พอได้เห็นมุมที่ซากุระแข่งกันเบ่งบานเช่นนี้ก็เรียกความประทับใจกับเราได้ไม่น้อยค่ะ


ว่ากันว่าซากุระเป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้น ดังเช่นวันที่เราไปชมซากุระนั้นก็มีพิธีปฐมนิเทศของนักศึกษาใหม่ของมหาวิทยาลัยเมจิพอดี ก็จะได้สัมผัสบรรยากาศของความครื้นเครงเป็นพิเศษ แต่ในอีกนัยหนึ่ง ซากุระคือสัญลักษณ์ของการจากลา 

การจบการศึกษาและการแยกย้ายเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ของตนเอง วันใดที่คิดถึงเพื่อนหรือคนที่จากกัน บางคนก็จะมองซากุระแล้วคิดถึง มันเป็นฟิลลิ่งของเด็กๆ มัธยมญี่ปุ่นค่ะ แต่สำหรับเราซากุระคือความสดใสของโลกนี้  


ขอบคุณที่มา : japankakkoii.com

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

พาเที่ยว "พิพิธภัณฑ์ราเมง Shin Yokohama Ramen Museum" ต้นตำรับแห่งราเมง ประเทศญี่ปุ่น

เที่ยว "ฮาโกดาเตะ" ชมวิวที่ "ป้อมดาวโงเรียวกาคุ" (Fort Goryokaku Tower)

ชมดอกไอริสและธรรมชาติในเมืองใหญ่ที่ Meiji Shrine Inner Garden! กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น