พาเที่ยว "หมู่บ้านชิราคาวาโกะ" (Shirakawa-go) หน้าร้อน อากาศสบายๆ กับทุ่งนาเขียวๆ
การมาเที่ยวหมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go Village) ในช่วงหน้าร้อนที่ทุ่งนาเขียวๆ นั้นเป็นหนึ่งในความฝันของเราเลยค่ะ เราว่าช่วงที่ต้นข้าวกำลังเขียวชะอุ่มเต็มทุ่งอย่างนี้ดูแล้วสดชื่นมากๆ เลยค่ะ วันนี้ก็เลยเอาบรรยาศการเที่ยวชิราคาวาโกะ ในช่วงต้นเดือนกันยายนมาฝากเพื่อนๆ กันนะคะ
เกี่ยวกับหมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go)
ชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go / 白川郷) ตั้งอยู่ในจังหวัดกิฟุ (Gifu / 岐阜県) ของภูมิภาคจูบุ (Chubu / 中部地方) เป็นหมู่บ้านที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของ UNESCO ในปี ค.ศ. 1995 หมู่บ้านชิราคาวาโกะ นั้นก่อตั้งเมื่อประมาณปี ค.ศ. 1919 ประกอบด้วย 16 หมู่บ้าน โซนที่นักท่องเที่ยวนิยมมานั้นคือ “หมู่บ้านโอกิมาจิ (Ogimachi / 荻町)” ซึ่งเป็นหมู่บ้านหลักและใหญ่ที่สุดในชิราคาวาโกะ
เอกลักษณ์ที่มีชื่อเสียงอย่างมากของชิราคาวาโกะ ก็คือ บ้านญี่ปุ่นโบราณมีหลังคาทรงสูงแบบการพนมมือที่เรียกว่า “Gassho-Zukuri (合掌造り)” ซึ่งมีอายุเก่าแก่นับร้อยปีและยังได้รับการอนุรักษ์มาเป็นอย่างดีจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้บ้านต่างๆ ยังเปิดให้นักท่องเที่ยวค้างคืนแบบ Homestay ซึ่งเรียกว่า “Minshuku (民宿)” ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีในการสัมผัสชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ที่นี่
การเดินทางมายังชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go)
การเดินทางของนักท่องเที่ยวมายังหมู่บ้านชิราคาวาโกะ คือ การนั่งรถบัสจากเมืองใกล้เคียงมาลงที่ Shirakawa-go Bus Terminal หรือ รถส่วนตัวซึ่งสามารถเช่าได้จากเมืองต่างๆ ซึ่งในบทความนี้จะขอแนะนำในส่วนของการเดินทางด้วยรถบัสจากเมืองหลักๆ ดังนี้
• การเดินทางจากเมืองทาคายาม่า (Takayama)
นั่งรถบัสจาก Takayama Nohi Bus Center ใช้เวลาประมาณ 50 นาที มีรถออกทุกชั่วโมง
• การเดินทางจากเมืองคานาซาว่า (Kanazawa)
นั่งรถบัสจากหน้าสถานี JR Kanazawa ใช้เวลาประมาณ 75 นาที มีรถออกเกือบทุกชั่วโมง
• การเดินทางจากเมืองโทยาม่า (Toyama)
นั่งรถบัสจากหน้าสถานี Toyama ใช้เวลาประมาณ 120 นาที มีรถออก 4 เที่ยวต่อวัน
รีวิวเที่ยวหมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go)
เราเดินทางมายังชิราคาวาโกะจากทาคายาม่าด้วยพาส SHORYUDO Highway Bus Ticket นะคะ ไม่ต้องจ่ายค่าโดยสารเพิ่มเลย เรามาถึงที่หมู่บ้านตอน 4 โมงเย็น ถ้าใครยังไม่มีแผนที่ก็เข้าไปหยิบได้ที่ด้านในท่ารถบัส Shirakawa-go Bus Terminal นะคะ (หรือดาวโหลดที่นี่) จากนั้นเราก็เดินเข้าไปในหมู่บ้านกันเลยค่ะ จากท่ารถบัสก็ให้ข้ามทางม้าลายตามรูปด้านบนแล้วเดินตรงเลาะไปตามถนนค่ะ
“Irori (いろり)” ร้านของฝากแรกที่เจอ
เดินต่ออีกนิดจะเจอทางแยก ตรงริมถนนซ้ายมือที่เห็นนี้คือจุดขึ้น Shuttle Bus ไปยังจุดชมวิวด้านบนนะคะ เดี๋ยวเราจะมารีวิวกันอีกที แต่ตอนนี้เราจะมุ่งหน้าไปที่ Minshuku ที่จองไว้ซึ่งจะต้อง Check-in ก่อน 5 โมงเย็นค่ะ
ยังพอมีเวลาให้เตร็ดเตร่อยู่ ก็แวะถ่ายรูปซะหน่อย ตรงนี้คือ “Ogimachi Park (荻町公園)” และมีร้านขายของฝาก “Okesa (民芸品店おけさ)” อยู่ด้วยค่ะ
เดินตามถนนขึ้นมาอีกจนเจอร้าน “Ebisuya (恵びす屋)” และป้ายบอกทางเลี้ยวไปยังวัด “Myozenji Temple (明善寺)” เราก็เลี้ยวซ้ายกันตรงนี้ค่ะ บ้านพักของเราอยู่ใกล้ๆ กับวัดนี้
วัด Myozenji Temple (明善寺) อยู่ตรงที่เห็นเป็นซุ้มประตูนะคะ
เจอกับทุ่งนาเขียวๆ มาเยอะแล้ว เพิ่งเจอแปลงดอกไม้สีอื่นตรงแปลงหน้าบ้านหลังนี้
ถึงแล้วค่า~ บ้าน Hisamatsu เราจะค้างคืนกันที่นี่ค่ะ ตกคนละ 9 พันกว่าเยน มีอาหารให้มือเย็นกับมื้อเช้า (เยอะมากและอร่อยมาก) และนอนกันบนฟูกในห้องเสื่อทาทามิแบบญี่ปุ่นด้วยค่ะ
หลังจากเช็คอิน Check-in พักทานขนมและชาที่บ้านแล้ว ยังพอมีเวลาเที่ยวในช่วงรอทานอาหารเย็นค่ะ เราก็ออกมาเที่ยวกันต่อเลยจ้าาา โดยจะไปที่สะพานแขวนซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านพัก
ก่อนจะเจอกับสะพานก็ต้องเดินผ่านตรอกข้างๆ ร้านของฝาก “Oishinbo (おいしんぼ)” และศาลเจ้า “Akiba Shrine (秋葉神社)” นี้ค่ะ
แต่ก่อนรถบัสที่จะมายังหมู่บ้านชิราคาวาโกะ ก็จะมาจอดอีกฝั่งของสะพานแขวน “Deai-bashi (であい橋)” นี้ แต่ตอนนี้ได้เปลี่ยนที่จอดไปแล้วมาจอดที่เดียวกับฝั่งหมู่บ้าน แต่อีกฝั่งของสะพานนี้ก็ยังมีที่สำหรับจอดรถยนต์สำหรับคนที่ขับรถมาเที่ยว รวมถึงยังมีพิพิธภัณฑ์อยู่ด้วยค่ะ แต่ว่าตอนที่ไปเป็นช่วงหลัง 5 โมงแล้ว ซึ่งพิพิธภัณฑ์ได้ปิดเรียบร้อยแล้ว เราเลยยังไม่ได้ข้ามไปฝั่งนั้น แต่ช่วงนี้ก็คนไม่ค่อยเดินมาแล้ว สามารถถ่ายรูปกันได้สบายๆ เลยค่ะ
“แม่น้ำโชกาวะ (Shogawa 庄川)” ถ่ายจากบนสะพานแขวน ลิบๆ ก็เห็นมีบ้านอยู่ เดี๋ยวเราจะไปยังโซนนั้นค่ะ เพื่อไปตามหาบ้านสามหลังที่คนชอบไปถ่ายรูปกัน เราต้องข้ามกลับมาทางเดิม แล้วเดินไปตามถนนหลักของหมู่บ้านนะคะ ถ้าดูจากแผนที่ก็จะเรียกว่า “Kanmachi (かん町)” ค่ะ
ระหว่างเดินไปตามถนนก็จะเห็นสะพาน Deai-bashi จากอีกมุมด้วยค่ะ
เดินไปไกลกันพอสมควรเลยค่ะ บนถนนก็ไม่มีรถ ไม่มีคนเลย เพราะเย็นแล้วด้วย
จากที่จินตนาการไว้ว่าถ้าเดินไปตามถนนก็จะเจอมุมของบ้านสามหลังนี้อยู่ตรงหน้า สรุปว่าความเป็นจริงมันไม่ใช่ค่ะ คือเราเดินมาจนถึงตรงที่ไม่มีบ้านคนแล้วแต่ก็ยังหาบ้านสามหลังนั้นไม่เจอ บรรยากาศก็ค่อนข้างวังเวงเลยค่ะ เลยตัดสินใจเลี้ยวกลับ ปรากฏว่ามองเห็นบ้านเรียงกันอยู่ โป๊ะเชะ! มุมนี้ละค่ะ (เกือบไปแล้ว ฮาาา)
เดินลัดเลาะตามถนนมาจนถึงถนนสายหลัก พอมองขึ้นไปด้านบน ก็จะเห็นหลังคาบนเนินเขา ตรงนั้นคือจุดชมวิวมุมสูง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของหมู่บ้านที่เรากำลังจะมุ่งหน้าไปกันค่ะ
ตรงจุดนี้ก็มีบริการถ่ายรูปให้ด้วย เสร็จแล้วก็จะไปปริ้นแปะอยู่ตรงซุ้มทางเข้าจุดชมวิว ใครอยากได้รูปต้องจ่ายเงิน 1,500 เยนนะคะ
ถ้าจะมาเที่ยวหมู่บ้านชิราคาวาโกะ ในช่วงหน้าร้อนและอยากเห็นนาเต็มทุ่งนั้น คิดว่าน่าจะเป็นช่วงกลางเดือนกรกฎาคมถึงต้นเดือนกันยายนค่ะ ส่วนช่วงใบไม้เปลี่ยนสีสวยๆ ก็ประมาณเดือนพฤศจิกายน สำหรับหิมะฟูๆ ก็จะเป็นช่วงเดือนมกราคมถึงต้นเดือนมีนาคมนะคะ ซึ่งถ้ามีโอกาสอีก เราก็อยากมาเที่ยวตอนหิมะฟูๆ ขาวๆ และมาดูการประดับไฟในตอนมืดค่ะ เห็นรูปคนอื่นแล้วสวยมากๆ คงจะฟินน่าดู
สำหรับวันนี้ก็ขอจบรีวิวเที่ยวหมู่บ้านชิราคาวาโกะ ไว้เพียงเท่านี้ ในตอนหน้าเราจะพาไปรีวิว Hida no Sato หมู่บ้านสไตล์ Gassho-zukuri อีกแห่งที่เมืองทาคายาม่านะคะ สำหรับวันนี้ขอลาไปก่อน สวัสดีค่า
ที่มา : japankakkoii.com
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น